ผู้ที่มีเจตนาบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือบางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของ โดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานกระทำความผิดข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 อย่างไรก็ตามความผิดข้อหาบุกรุกตามมาตรานี้ ถือว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว และสามารถยอมความได้ ยกเว้นกรณีบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 เช่น บุกรุกในเวลากลางคืนไม่สามารถยอมความ
อย่างไรก็ตามการที่จะเป็นความผิดฐานบุกรุกจะต้องกระทำโดยมีเจตนาบุกรุกด้วย หากขาดเจตนาการกระทำดังกล่าวก็ไม่มีความผิด เช่น “ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3490/2553จำเลยจะต้องรู้ว่าที่ดินที่หาว่าจำเลยบุกรุกนั้นเป็นของผู้เสียหายทั้งสาม แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินหรือความเป็นเจ้าของที่ดินที่หาว่าจำเลยบุกรุกโจทก์และจำเลยยังนำสืบโต้แย้งกันอยู่ โดยโจทก์นำสืบว่าที่ดินเป็นของผู้เสียหายทั้งสามผู้เสียหายทั้งสามครอบครองที่ดินตลอดมาตั้งแต่ปี 2525 ส่วนจำเลยนำสืบว่าที่ดินเป็นของจำเลยจำเลยซื้อมาจาก ช. ตั้งแต่ปี 2537 แล้วจำเลยครอบครองตลอดมาฝ่ายผู้เสียหายมิได้ครอบครองแต่อย่างใดที่ดินไม่ใช่เป็นของผู้เสียหายทั้งสามแม้ทางราชการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยก็นำสืบอยู่ว่าโฉนดที่ดินออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งจำเลยไม่รู้มาก่อนและไม่ยอมรับว่าที่ดินเป็นของผู้เสียหายทั้งสาม เมื่อผู้เสียหายทั้งสามกับจำเลยยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันเช่นนี้กรณีจึงเป็นเรื่องทางแพ่ง ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาบุกรุก การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก”เป็นต้น
ถูกค่ะ มันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ บางครั้งการทำงานอาจจะกระทบดระทั่งกันบ้างแต่ต้องดูที่เจตนาและดารกระทำค่ะ